
สถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้ หลากหลายสไตล์ ทั้งภูเขา น้ำตก และทะเล ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำความสวยงามของภาคใต้ ที่ไม่ว่าใครไปเยือนก็ต้องหลงเสน่ห์ปักษ์ใต้ด้วยกันทั้งนั้น
หลายครั้งที่เรานึกถึงภาคใต้ของไทย เราจะนึกถึงบรรยากาศที่เที่ยวทะเลสวย ๆ การสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ภาคไหน ไม่ว่าจะเป็นเกาะน้อยใหญ่ อุทยานแห่งชาติ ป่าอีกหลายแห่ง ภูเขา และน้ำตก นี่ยังไม่นับรวมถึงทรัพยากรใต้น้ำอีกมากมาย เหล่านี้กลายเป็นของดีของเด็ดที่มัดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้หลงเสน่ห์มานักต่อนัก
และนอกจากที่เที่ยวยอดนิยมอย่างหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะหลีเป๊ะ เกาะพีพี ทะเลแหวก ถ้ำมรกต เกาะเต่า เกาะนางยวน หรือเกาะสมุย ภาคใต้ยังมีที่เที่ยวเจ๋ง ๆ อีกเพียบ ว่าแล้วเราก็เลยขอรวบรวมสถานที่เที่ยวภาคใต้ มาฝากเพื่อน ๆ กัน ไว้มีโอกาสจะได้เดินทางไปเที่ยวปักษ์ใต้ของเรากันให้สนุกอย่างเต็มที่
1. แหลมกระทิง ภูเก็ต

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เภพาเที่ยว
จุดชมวิวแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต มองเห็นทะเลอันดามันเกือบ 360 องศา สำหรับใครที่อยากเดินทางมายังจุดชมวิวแห่งนี้ อาจต้องเดินทางมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ๆ เพราะหากมาหลังพระอาทิตย์ตกจะมืดมาก และเดินลำบาก โดยเริ่มต้นเส้นทางผ่านหาดในหานมาทางอ่าวเสน หรือจะเริ่มต้นที่อ่าวเสน หรือเดินขึ้นไปทางกำแพงเล็ก ๆ ก่อนถึงบ้านกระทิงรีสอร์ทก็ได้ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบ เพราะคุณจะต้องเดินผ่านโขดหิน ซึ่งอาจเผลอลื่นและเป็นอันตรายได้ ตลอดทางคุณจะมองเห็นวิว ที่ทำให้คุณต้องร้องว้าว ! ประมาณ 45 นาที ก็จะถึงแหลมกระทิง และอย่างที่บอกไปแล้วว่าทางกลับค่อนข้างมืด เราจึงไม่แนะนำให้อยู่ดูพระอาทิตย์ตกดิน
2. บ้านคีรีวง นครศรีธรรมราช

ตั้งอยู่ที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา นักท่องเที่ยวคนไทยที่ได้มาเที่ยวที่บ้านคีรีวง มักจะประทับใจกับวิถีชีวิตสังคมของชาวบ้านที่นั่น ซึ่งเป็นสังคมแบบเครือญาติ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน การเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและเงียบสงบ แน่นอนว่าเราอาจจะได้พบภาพแบบนี้ได้ไม่บ่อยนักเมื่ออยู่ในเมืองใหญ่ ชาวบ้านที่นั่นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน เป็นต้น จุดเด่นของบ้านคีรีวงคือทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา และสายน้ำ แถมยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำมากมาย เช่น การพักในที่พักแบบโฮมสเตย์ การชิมอาหารพื้นเมือง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้คุณได้ซึมซับภาพความสวยงามของบ้านคีรีวงได้อย่างไม่รู้ลืม
3. เกาะกำตก จังหวัดระนอง

เกาะกำตก อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน เป็นอีกหนึ่งเกาะสวยของไทย ที่สวย เงียบสงบและมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ไฮไลท์ที่ต้องไปเยือนคือ "อ่าวเขาควาย" แห่งเกาะกำตก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของหมู่เกาะกำ เพราะเป็นจุดที่ทางอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามารับประทานอาหารและเล่นน้ำกันที่เกาะนี้ ที่นี่ร่มรื่นด้วยแนวต้นสน หาดทรายสวยงามขาวเนียน ทรายละเอียด น้ำทะเลสวยใส เหมาะแก่การลงแหวกว่ายเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง
4. จุดชมวิวเสม็ดนางชี พังงา

ตั้งอยู่ที่บ้านเสม็ดนางชี หมู่ 2 ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง ที่นี่ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของจังหวัดพังงา ว่ากันว่าบรรยากาศวิวระดับหลักล้านเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวนิยมที่จะขึ้นไปยังจุดชมวิวเสม็ดนางชีในช่วงบ่ายก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แล้วนอนกางเต็นท์พักค้างแรม 1 คืน ก่อนจะลงมาในช่วงสายของอีกวัน เพราะบรรยากาศของที่นี่จะสวยงามแตกต่างกันออกไป ยามเย็นจะได้ชมภูเขาหินปูนกลางทะเลเป็นสีเหลืองทอง เพราะพระอาทิตย์จะตกทางด้านหลัง แล้วสาดส่องแสงมาที่ภูเขาและทะเลในอ่าวพังงา ยามค่ำคืนจะสามารถมองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า กับพระจันทร์ดวงกลมโตสีเหลืองทองอร่าม ราวกับมานอนพักค้างคืนอยู่อีกโลก ส่วนยามเช้าก็จะมีพระอาทิตย์โผล่มาทักทายกันแบบงาม ๆ

5. เกาะเขาใหญ่ จังหวัดสตูล

ภาพจาก kunanon / Shutterstock.com
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทะเลทางฝั่งอันดามัน และที่เที่ยวสตูลห้ามพลาด เป็นเกาะหินปูนกลางทะเล อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ห่างจากชายฝั่งบริเวณที่ทำการอุทยานประมาณ 10 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา เพียงแค่ประมาณ 3-5 กิโลเมตรเท่านั้น บนเกาะเขาใหญ่จะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนเสียส่วนใหญ่ มีชายหาดบางส่วน อ่าวที่มีชื่อเสียงคือ "นะปุลา" เป็นชายหาดที่เงียบสงบสวยงาม นอกจากนี้เวลาที่น้ำลดก็จะสามารถลอดช่องหินเข้าไปชมความสวยงามของ "ปราสาทหินพันยอด" สิ่งอัศจรรย์สุดอันซีนที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าปราสาทหินพันยอด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ธรณีวิทยา มีการพบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปี
6. เมืองเก่าสงขลา

ภาพจาก pracha hariraksapita / Shutterstock.com
ย่านเมืองเก่าสงขลา ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญของเมืองให้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันด้วย ทั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนนางงาม, โรงสีหับ โห้ หิ้น ที่ทาสีแดงแปร๊ด ตั้งอยู่บนถนนนครนอก ริมทะเลสาบสงขลา เป็นต้น แต่สิ่งที่ทำให้เมืองเก่าแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งก็คืองานสตรีทอาร์ต เป็นภาพวาดบนกำแพง จำลองบรรยากาศของร้านน้ำชาฟุเจา ซึ่งเป็นร้านน้ำชาเก่าแก่ในอดีตที่ตั้งอยู่ในอาคารนั้น นอกจากนี้ก็ยังมีภาพวาดแนวเดียวกันอยู่บริเวณอื่น ๆ ของเมืองด้วย รวมถึงมีของกินอร่อย ๆ มากมาย ดูเพิ่มเติมได้ที่ เที่ยวถนนนางงาม พร้อมแวะชิม 9 ร้านอร่อยเมืองสงขลา
7. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่คือดินแดนแห่งหมู่เกาะมากมาย ซึ่งมีทั้งหมดมากกว่า 40 เกาะ แต่ละเกาะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน บางเกาะมีหาดทรายขาวสะอาด สวยงาม บางเกาะมีเฉพาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินขึ้นไปชมทัศนียภาพโดยรอบของหมู่เกาะแห่งนี้ โดยเกาะที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่เกาะวัวตาหลับ ด้วยเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวที่สวยที่สุด นั่นก็คือจุดชมวิววัวตาหลับ นอกจากนี้ยังมีเกาะอื่น ๆ ให้ได้เที่ยวอีกด้วย อาทิ เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะท้ายเพลา เป็นต้น

8. เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน ตั้งอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ด้วยเต็มไปด้วยธรรมชาติของป่าเขาและสายน้ำที่งดงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ดีมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ อีกทั้งยังมีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติทั้งน้ำตก หน้าผา ถ้ำ และทิวทัศน์เทือกเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเหนือผืนน้ำอ่างเก็บน้ำ จนได้รับฉายาว่ากุ้ยหลินเมืองไทย
9. เกาะปันหยี

เกาะปันหยี ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นหมู่บ้านของชาวมุสลิมกลางน้ำ ซึ่งมีมายาวนานมากกว่า 200 ปี ชาวบ้านยังคงใช้วิถีชีวิตแบบชาวเลแท้ ๆ ภายในเกาะมีบ้านเรือนของชาวบ้าน ที่สร้างขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ มีมัสยิด รวมทั้งสนามฟุตบอลขนาดเล็กของเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมวิถีชีวิตอันเรียบง่ายแล้ว ยังจะได้ลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ อาหารพื้นเมือง พร้อมทั้งเลือกซื้อสินค้าแฮนด์เมดของชาวบ้านอีกด้วย
10. ถ้ำภูผาเพชร จังหวัดสตูล

ถ้ำที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก ตั้งอยู่ในตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง ภายในถ้ำจะพบห้องโถงขนาดกว้าง เพดานถ้ำสูง ๆ ที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะตัวอยู่ และเมื่อกระทบกับแสงไฟก็จะส่องเป็นประกายอย่างสวยงาม พร้อมทั้งมีการแบ่งชื่อแต่ละห้องตามลักษณะของธรณีสัณฐานที่พบออกเป็น 20 ห้อง เช่น "ห้องม่านเพชร" มีลักษณะคล้ายผ้าม่านแขวนอยู่, ห้องพญานาค มีหินงอกคล้ายงูใหญ่หรือพญานาค และถ้าสังเกตจากประเภทของหินงอก (Stalagmite) ก็จะมีชื่อต่าง ๆ ตามรูปทรงที่พบเห็นมากถึง 31 แห่ง
ส่วนประเภทหินย้อย (Stalactite) ก็มีทั้งหมด 4 แห่ง และสุดท้ายคือประเภทเสาหิน (Column in Cavern) ซึ่งเป็นส่วนของหินงอกและหินย้อยที่มาบรรจบกันแล้วมองดูคล้ายเสาค้ำยันเพดาน ถ้ำกว่า 14 แห่ง นอกจากนี้ยังมีประเภทเสาหินที่มีลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น เสาเพชร หรือเสาหินย้อย หรือเสาค้ำสุริยัน รวมทั้งยังมีบ่อขั้นบันได ที่มีลักษณะเหมือนชายน้ำตกหินปูนที่เป็นชั้น ๆ เหมือนขั้นบันไดอีกด้วย ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางไปเยือนที่ถ้ำภูผาเพชรควรเตรียมตัวก่อนเดินทางให้พร้อม ทั้งไฟฉายติดตัวไปเพื่อส่องดูความงามภายในถ้ำ และสวมใส่รองเท้าที่เดินสบาย
ที่มา - travel.kapook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น